วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

สถานที่ท่องเทียวเกาะเสม็ด จ.ระยอง

 

            เกาะเสม็ด หรือเกาะแก้วพิสดาร ตั้งอยู่ในเขตตำบลเพ อ.เมือง จ.ระยอง อยู่ห่างจากฝั่งบ้านเพประมาณ 6.5 กิโลเมตร สภาพของเกาะเสม็ด มีสันเขา เป็นแนวยาว จากตัวเกาะด้านเหนือมาทางใต้ ส่วนฝั่งตะวันตก ของเกาะ เป็นหน้าผาสูง และลาดชันลงสู่ฝั่งตะวันออก ที่มีชายหาดเว้า ทำให้เกิดชายหาด ที่สวยงามหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ จะอยู่ทางด้านเหนือ และตะวันออก ของเกาะเสม็ด
     เกาะเสม็ด เป็นเกาะที่มีความสำคัญ ในประวัติศาสตร์ของวรรณกรรมไทย ในยุคต้น ของกรุงรัตนโกสินทร์ ดังปรากฏในวรรณคดีไทย เรื่อง พระอภัยมณี ซึ่งเป็นกวีนิพนธ์ ของกวีเอกของไทย นามสุนทรภู่ โดยเกาะเสม็ด ได้รับการขนานนาม ในกวีนิพนธ์ ว่า "เกาะแก้วพิศดาร" ซึ่งอาจจะมีที่มาจาก หาดทรายบนเกาะเสม็ด ที่ขาวปานแก้ว อยู่ทั่วไปก็ได้ ส่วนสาเหตุที่เกาะแห่งนี้ ได้ชื่อว่า เกาะเสม็ด ก็เพราะว่า เกาะแห่งนี้ มีต้นเสม็ดขาว และเสม็ดแดง ขึ้นอยู่มาก ชาวบ้าน นำมาใช้เป็นไต้จุดไฟ ทำให้เกาะแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเกาะเสม็ดจากสาเหตุนี้เอง
     รูปร่างของเกาะเสม็ด มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุด ของเกาะเสม็ด กว้างประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุด อยู่บริเวณ อ่าวกิ่วนอก - อ่าวกิ่วใน ซึ่งกว้างประมาณ 100 เมตร
จุดเด่นที่น่าสนใจ :
 อ่าวน้อยหน่า  บริเวณอ่าวน้อยหน่านี้ เหมาะสำหรับผู้ที่รักความเงียบสงบ และเป็นส่วนตัว ถึงอ่าวน้อยหน่า จะอยู่ใกล้หาดทรายแก้ว แต่ความพลุกพล่านเรียกว่าต่างกัน เหมือนอยู่คนละเกาะ ใครที่ชอบความเงียบสงบ อ่านหนังสือ อาบแสงแดดเคล้าน้ำทะเล บริเวณนี้มีหาดทรายที่สะอาด พอที่จะเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ 
อ่าวกลาง บริเวณอ่าวกลางนี้ เป็นที่ตั้งของชุมชนหมู่บ้านเกาะเสม็ด และเป็นที่ตั้งของท่าเรือ บริเวณนี้ ไม่ค่อยจะมีหาดทรายสวยๆ ให้ลงเล่นน้ำมากนัก แต่เหมาะที่จะมาฝากท้องทานอาหาร กับร้านอาหาร บริเวณท่าเรือ มีอยู่หลายร้านให้เลือก สนนราคา เรียกว่า ถูกที่สุดบนเกาะเสม็ดก็ว่าได้
 อ่าวป่าช้า พื้นที่บริเวณอ่าวป่าช้านี้ แต่ก่อนราวๆ 40-50 ปี ที่แล้วเป็นสถานที่ฝังศพของชาวเกาะเสม็ด แต่ในปัจจุบันนี้ บริเวณนี้ไม่มีการฝังศพอีกแล้ว ส่วนป่าช้าเก่าที่ว่านี้ ได้รับการฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี พื้นที่บริเวณนี้ ก็ไม่มีหาดทรายสวยๆ ให้เล่น จะมีก็แต่แนวโขดหิน ให้ปีนป่าย หรือถ้าใครชอบตกปลาโขดหิน บริเวณนี้ก็เหมาะทีเดียว สำหรับนักตกปลาทั้งหลาย ถ้าชอบแค้มปิ้งที่บริเวณนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า คุณกล้าพอหรือเปล่า แต่ถ้าให้ดี ไปพักที่อ่าวลูกโยนจะเหมาะกว่า
 อ่าวลูกโยน เป็นอีกอ่าวหนึ่งที่มีหาดทรายให้เล่นน้ำ ถึงไม่กว้างมากนัก ที่หาดทรายบริเวณอ่าวลูกโยน ค่อนข้างจะสงบเงียบ ไม่พลุกพล่าน นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเลยดูจะชอบมาพัก ที่อ่าวลูกโยนกัน ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบความสงบ อ่าวลูกโยน ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ขอแนะนำ 

 แหลมใหญ่ บริเวณนี้เหมาะ ที่จะชมพระอาทิตย์ขึ้นมากที่สุด เพราะเป็นแหลมหัวเกาะ และมีเนินเขาเตี้ยๆ ที่พอจะอาศัยเป็นที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ หรือจะเลือกวิวถ่ายรูปสวยๆ บริเวณโขดหินก็เหมาะดี
หาดทรายแก้ว ชายหาดที่คุ้นหู ที่สุดของนักท่องเที่ยว ที่มาถึงเกาะเสม็ด ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยว ที่ชอบความหลากหลาย หาดทรายแก้ว เป็นอีกหนึ่งหาด ที่คุณจะชอบ เพราะหาดนี้ไม่เคยหลับ เรียกว่า ตอนเช้าเล่นน้ำทะเล กลางวันอาบแดด ตอนเย็นชมพระอาทิตย์ตก พอค่ำหน่อยก็ดื่มกินอาหาร หรือจะมีแอลกอฮอล์นิดหน่อย เคล้าแสงจันทร์ก็ดูไม่เลว มีกิจกรรมให้ทำ ทั้งวันที่หาดทรายแก้ว เหมาะสำหรับคนขี้เหงา และชอบความพลุกพล่าน ของผู้คน ที่หาดนี้ เป็นแหล่งรวมของเครื่องเล่นกีฬาทางน้ำ ทุกประเภท ที่มีบนเกาะทั้งเจ็ทสกี บานาน่าโบต เรือใบ ฯลฯ เอาเป็นว่า หาดนี้ หาดเดียวกับวันพักผ่อนหรือ วันหยุดสุดสัปดาห์ ก็ทำให้คุณลืมเวลาได้ไม่ยาก

ข้อแนะนำ: สำหรับนักท่องเที่ยว ที่รักความสะดวกสบาย ที่หาดทรายแก้ว มีบ้านพักหลายประเภทให้เลือก ในสนนราคาที่ขึ้นอยู่กับว่า มีออฟชั่นอย่างแอร์ พัดลม ตู้เย็น มีให้เพียบพร้อมขนาดไหน 

 อ่าวไผ่ อ่าวไผ่มีชายหาด ที่ติดกับหาดทรายแก้ว คั่นกันแค่โขดหิน ไม่ใหญ่นัก นักท่องเที่ยวส่วนมาก จะเหมาเดินเที่ยว หาดทรายแก้ว ไล่ไปจนถึงอ่าวไผ่ แล้วเดินย้อนกลับมา ใช้เวลาไม่มากนัก ที่อ่าวไผ่ บริเวณโขดหิน มีวิวที่สวยงาม เหมาะที่จะอาบแดด ถ่ายรูป ฯลฯ หาดทรายบริเวณอ่าวไผ่ ก็เป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่จะเห็นนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ มานอนอาบแดดกัน ถ้าหาที่ว่างที่หาดทรายแก้วไม่ได้ อ่าวไผ่นี่แหละ บรรยากาศคล้ายๆ กัน ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ สำหรับนักท่องเที่ยว อย่างเราๆ
ข้อแนะนำ: สำหรับนักท่องเที่ยว ที่มาเล่นน้ำที่อ่าวไผ่ จะมีจุดน้ำวนอยู่ ไม่ควรลงเล่นน้ำที่บริเวณนั้น (สังเกตได้จากธงสีแดง ที่ปักอยู่)
 อ่าวพุทรา อ่าวเล็กๆ ที่เงียบสงบ ไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยว มาส่งเสียงรบกวนสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าหาดนี้ เป็นหาดเล็กๆ เดินแป๊บเดียวก็ทั่ว นักท่องเที่ยว ชาวไทย เลยไม่ค่อยจะสนใจ แต่สำหรับชาวต่างชาติแล้ว อ่าวพุทรา เป็นเหมือนกับที่พักผ่อนโดยแท้ ถ้ามาที่อ่าวนี้ ภาพที่เห็นจนชินตาคือ นักท่องเที่ยว นั่งบ้าง นอนบ้าง อ่านหนังสือ อาบแดด จิบกาแฟ เหมือนกับไม่ได้มาเที่ยวทะเลอย่างนั้นแหละ
 อ่าวทับทิม อ่าวเล็กๆ ที่มีพื้นที่ติดกันหรือ จะเรียกว่าเป็นพื้นที่เดียวกับอ่าวพุทราก็ว่าได้ รวมๆ แล้ว ก็เป็นอ่าวเล็กๆ ที่เงียบสงบน่าพัก สำหรับหาดทรายและสถานที่เล่นน้ำทะเลแล้ว ที่อ่าวทับทิม เรียกว่าสะอาดพอสมควร ที่อ่าวทับทิม เป็นอีกอ่าวหนึ่งที่น่าพักผ่อนในวันหยุด

อ่าวนวล อ่าวเล็กๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่สำหรับนักท่องเที่ยว ที่รักความสงบเงียบ อย่างแท้จริงแล้ว อ่าวนวล เป็นอีกอ่าวหนึ่งที่ขอแนะนำ มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก ที่ชอบมาพักผ่อนที่อ่าวนี้ แต่ถ้าใครมาพักผ่อนที่อ่าวนี้ ก็บอกได้เลยว่า เป็นนักท่องเที่ยวที่มากินลม ชมความเงียบโดยแท้ สิ่งอำนวยความสะดวก ที่อ่าวนวล มีไม่มาก บังกาโล มีเพียงแห่งเดียว ที่เปิดรองรับนักท่องเที่ยว
 อ่าวช่อ/อ่าวทานตะวัน ที่รวมสองอ่าวนี้ เป็นอ่าวเดียวกัน ก็เพราะว่าอ่าวนี้ เดิมชื่อว่า อ่าวช่อ แต่ต่อมามีเรียกกันหลายชื่อ ทำให้เกิดความสับสน กับนักท่องเที่ยว พอสมควร ถ้าดูจริงๆ แล้ว อ่าวช่อ และอ่าวทานตะวัน ก็มีโค้งอ่าวที่ติดต่อกัน แต่เรียกชื่อกันตามรีสอร์ท ที่ตั้งอยู่ ในแต่ละตำแหน่งเท่านั้น โดยรวมอ่าวช่อ เป็นอ่าวที่เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน ผู้คน ไม่พลุกพล่าน หาดทรายขาว และสวยงาม ลงตัวดีกัวันพักผ่อนของคุณ
 อ่าววงเดือน อ่าวที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวอีกอ่าวหนึ่ง เพราะเรือโดยสารประจำทาง ที่มาจากท่าศาลา จะมาส่งนักท่องเที่ยว ที่อ่าวนี้ เป็นประจำ ถ้าจะบอกว่า เป็นป้ายสุดท้าย ของเรือโดยสารก็ไม่ผิดนัก อ่าววงเดือน คึกคักพอๆ กับหาดทรายขาว แต่ที่อ่าววงเดือน คุณสามารถเลือกได้หลายบรรยากาศ ถ้าต้องการความสงบเงียบ ก็ต้องทางด้านหัวอ่าว ส่วนคนที่รักความคึกคัก ต้องเลือกกลาวอ่าว ถ้าชอบนั่งกินบรรยากาศ ให้คุณเลือกตามความต้องการอย่างที่บอก
 อ่าวแสงเทียน อ่าวแสงเทียน เป็นอ่าวที่ เงียบสงบ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน นักท่องเที่ยวที่มาพักอ่าวนี้ โดยมาก เน้นความสงบ เป็นส่วนใหญ่ หาดทรายของอ่าวแสงเทียน ถ้าจะว่าไปแล้ว สะอาดกว่าด้าวหัวเกาะเสียด้วยซ้ำไป ก็เป็นเพราะนักท่องเที่ยวที่มาพักที่หาดนี้ น้อยกว่า ทำให้ธรรมชาติบริเวณนี้ ยังคงรักษาความสวยงาม ตามธรรมชาติได้ ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยว ประเภทกินลมชมวิว นอนนับดาวแล้วละก็ อ่าวแสงเทียน เป็นอีกอ่าวหนึ่ง ที่คุณไม่ควรพลาด ที่จะมาพักผ่อน
อ่าวหวาย ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ยิ่งไกลจากหัวเกาะ และนักท่องเที่ยวน้อยลงเท่าไหร่ ธรรมชาติ ก็ยังคงความสวยงามแบบเดิมไว้มากเท่านั้น อ่าวหวาย ก็เป็นอีกอ่าวหนึ่ง ยังคงความสวยงามแบบเดิมไว้ ที่อ่าวหวาย เหมาะกับนักท่องเที่ยว ที่รักความสงบ และเป็นส่วนตัว ที่อ่าวหวาย มีรีสอร์ทเพียงแห่งเดียว ดูแล้วค่อนข้างจะเป็นส่วนตัว และสงบพอสมควร เป็นอีกอ่าวหนึ่ง ที่ขอแนะนำ
อ่าวกิ่วนอก อ่าวที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการสัมผัสธรรมชาติ อย่างแท้จริง ที่นี่ หาดทรายขาวเสียจนน่าอิจฉา จากจุดนี้สามารถมองเห็นเกาะหินขาวได้อย่างชัดเจน ที่อ่าวกิ่วหน้านอก นี้ เป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ โดยใช้เวลาเดินไม่นาน ระยะทางประมาณ 100 เมตร ก็จะถึง อ่าวกิ่วหน้าใน ซึ่งเป็นจุดชมวิว ที่หลายคนมองข้ามไป เนื่องจากด้านอ่าวกิ่วหน้าใน เป็นแนวโขดหิน สถานที่ท่องเที่ยว จึงมีไม่มาก แต่เหมาะจะเป็นจุดชมวิว ดื่มกินบรรยากาศ ของเสม็ดที่ดีอีกแห่งหนึ่ง

 อ่าวกะรัง อ่าวที่สงบเงียบ และไม่มีผู้คนพลุกพล่านอย่างแท้จริง อ่าวนี้มีหาดทรายเล็กๆ พอที่จะลงเล่นน้ำ และชมประการังได้ จุดชมวิวบริเวณแหลมกุด ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ถ้าคุณมาท่องเที่ยวที่เกาะเสม็ด โดยเจาะจงมาพักที่อ่าวกะรัง (ปะการัง แค้มปิ้ง) ในช่วงเดือน พ.ย. - ธ.ค. คุณจะได้พบกับนักตกปลา มาที่นี่กันมากสักหน่อย เพราะว่าช่วงนั้น จะเป็นช่วงที่ปลาอินทรีย์ จะมีมาก บริเวณอ่าวกะรัง โดยเฉพาะหมายตกปลาที่คุ้นหู นักตกปลากันทั่วไปคือ ร่องจันทร์ และสันฉลาม ซึ่งเป็นเกาะหินเล็กๆ ที่สามารถมองเห็นจากอ่าวกะรังได้
 อ่าวเตย สุดท้ายปลายเกาะเสม็ด บริเวณนี้ เป็นโขดหินเสียเป็นส่วนใหญ่ เหมาะเป็นสถานที่ตกปลา และกินลมชมวิว มากกว่า จุดนี้ สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ โดยมีโขดหินเป็นโฟร์กราวด์
 แหลมเรือแตก จุดชมวิวที่ไม่เหมาะลงเล่นน้ำอีกเช่นกัน เพราะพื้นที่นี้เป็นหน้าผาชัน และเป็นแนวโขดหิน เหมาะจะใช้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก และทอดสายตาไปสู่ฝั่งแผ่นดินมากกว่า ข้อดีของจุดนี้คือ มีลมโกรกทั้งวัน ถึงจะไม่มีหาดทรายให้เล่น แต่วิวที่จุดนี้ก็สวยไม่น้อย
 อ่าวพร้าว จุดชมพระอาทิตย์ที่ติดปากนักท่องเที่ยว จากปากต่อปากของนักท่องเที่ยว ที่อ่าวพร้าว เป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุด การเดินทางจากท่าศาลา ใช้เวลาไม่มากนัก อ่าวพร้าวจึงเป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่เราจะเห็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มาพักกันมากที่อ่าวนี้
 อ่าวขาม เป็นอ่าวหิน ที่ไม่ค่อยมีคนนิยมไปเที่ยว กันมากนัก นอกจากจะนั่งเรือผ่านมาขึ้นทางอ่าวพร้าว ลักษณะภูมิประเทศ ของอ่าวขาม คล้ายๆ กับแหลมเรือแตก

 หมู่เกาะกุฎี จากทางบ้านเพ ก่อนถึงเกาะเสม็ด ทางด้านซ้ายมือ จะเห็นหมู่เกาะเล็กๆ 3-4 เกาะอยู่ นั่นคือ หมู่เกาะกุฎี ซึ่งประกอบไปด้วย เกาะกุฎี เกาะค้างคาว เกาะขาม เกาะกรวย เกาะปลาตีน
เกาะกุฎี เกาะที่สวยงามอีกเกาะหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยว ไปเยือนปีละไม่มาก อาจจะเป็นเพราะว่า นักท่องเที่ยว ไม่ค่อยที่จะคุ้นหูก็ว่าได้ ธรรมชาติ รอบเกาะกุฎี เรียกได้ว่าสวยงาม และคงเดิมมาก แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะกุฎี ก็มีหลายจุด ที่เด่นๆ ได้แก่ หาดสินสมุทร อ่าวหูกวาง ผานิลมังกร ถ้ำฤๅษี จากจุดชมวิว ที่เกาะกุฎี สามารถมองเห็นเกาะค้างคาวได้อย่างชัดเจน ที่เกาะกุฎี มีหาดทรายขาว ยาวพอสมควร ในนักท่องเที่ยว ได้เล่นกัน น้ำทะเลที่หาดนี้ เรียกว่า มองเห็นพื้นทราย และแนวประการังได้อย่างเต็มตา
เกาะค้างคาว เกาะเล็กๆ ข้างเกาะกุฎี มีหาดทรายเล็กๆ ไม่เหมาะที่จะไปพัก ต้องนำเรือไป จึงจะขึ้นเกาะได้
เกาะกรวย – เกาะขาม เกาะกรวย และเกาะขาม เป็นเกาะเล็กๆ ที่สามารถเดินถึงกันได้ โดยมีสันทรายเล็กๆ เชื่อมต่อกันระหว่างเกาะทั้งสอง เกาะขาม เหมาะที่จะพักผ่อนแค้มปิ้งมากกว่าเกาะกรวย เนื่องจากเกาะขาม มีหาดทรายขาว และแนวต้นไม้ที่พอจะตั้งแคมป์ได้อย่างไม่ลำบากมากนัก ติดขัดอย่างเดียว ก็คือ เรื่องน้ำที่ต้องเตรียมไปเอง
 เกาะปลาตีน เกาะยาวที่อยู่ถัดจากเกาะกรวยและเกาะขาม เป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ และนักท่องเที่ยวไม่นิยมมาเที่ยวเกาะนี้กัน เนื่องจากไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เหมาะจะเป็นที่ปลีกวิเวกมากกว่า
 เกาะทะลุ เกาะที่ขึ้นชื่ออีกเกาะหนึ่ง ของหมู่เกาะเสม็ด เกาะนี้มีธรรมชาติ หาดทรายที่สวยงาม ถึงหาดทรายจะสั้น แต่ก็สวยพอที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว จากบนฝั่ง และที่เกาะเสม็ด มาเยือนไม่ได้ขาด
       * หมายเหตุ การท่องเที่ยวตามเกาะ ต้องเหมาเรือ ให้ไปส่ง ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500 - 2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสาร)


สถานที่ท่องเที่ยวภูฝอยลม จ.อุดรธานี


 สถานทีท่องเที่ยวภูฝอยลม จ.อุดรธานี


     การเดินทางสู่ภูฝอยลม หากเดินทางมาตามเส้นทางขอนแก่น-อุดรธานี เมื่อเลยอำเภอโนนสะอาดมาแล้วจะพบทางแยกซ้ายที่บ้านห้วยเกิ้งไปภูฝอยลม รถยนต์สามารถขึ้นถึงบนภูได้โดยสะดวก หากเดินทางจากตัวเมืองอุดรธานีขับรถตามทางหลวงหมายเลข 210 มุ่งหน้าหนองบัวลำภูจะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอหนองแสง
  

     วัดภูทองเทพนิมิต ขับรถตามเส้นทางสู่ภูฝอยลม เข้าหมู่บ้านผ่านบ้านโนนเชียงค้ำจะเห็นพระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขา นามว่าพระพุทธชัยมงคลมหาชนอภิปูชนีย์ (หลวงพ่อทันใจ) กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างฐานซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารแปดเหลี่ยม แต่องค์พระพุทธรูปสร้างเสร็จแล้ว ด้วยขนาดขององค์พระและตำแหน่งที่ประดิษฐานบนยอดเขาทำให้มองเห็นได้แต่ไกล

   
 โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ ที่นำภาพป้ายนี้มาลงไว้เพราะเส้นทางจากหมู่บ้านสู่ภูฝอยลมมีทางแยกมากมายหลายแห่งและบางแห่งไม่มีป้ายบอกทาง จึงเดาเอาว่าเป็นทางเดียวกันกับโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ
     
         เส้นทางขึ้นภูฝอยลม เป็นทางลาดยางไม่ลำบากมากแต่มีทางโค้งลาดชันหลายแห่งตามปกติของการเดินทางขึ้นยอดเขา วันที่มีฝนตกถนนจะลื่นให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง เมื่อผ่านเส้นทางลาดชันมาได้สักระยะหนึ่งจะมีด่านตรวจสำหรับลงชื่อเข้าชม ด้านหน้าของด่านตรวจแห่งนี้มีสวนไม้ดอกสวยๆ ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ระบบค่าธรรมเนียมของภูฝอยลมไม่ได้กำหนดตายตัว เจ้าหน้าที่จะบอกว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมภูฝอยลม จะบริจาคเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพรรณไม้ และป่าที่อุดมสมบูรณ์ ผืนนี้ได้ตามต้องการ ผ่านด่านตรวจเข้ามาจะพบกับพื้นที่สวนป่าโดยแบ่งเป็นเขต แต่ละเขตปลูกต้นไม้ต่างกันเพื่อประโยชน์ในการศึกษาหาความรู้ ได้แก่ กลุ่มพืชสมุนไพร กลุ่มพืชโภขนาการ กลุ่มไม้เศรษฐกิจ กลุ่มพืชมีพิษ พรรณไม้พุทธประวัติ พรรณไม้ในวรรณคดี พรรณไม้พระราชทานประจำจังหวัด กลุ่มไม้มงคล กลุ่มไม้ดอกยืนต้น กลุ่มไม้มงคล 9 ชนิด กลุ่มวงศ์ปาล์ม พรรณไม้เฉลิมพระเกียรติสวนป่าแต่ละกลุ่มเหล่านี้ บางกลุ่มอยู่ติดกับถนน มองเห็นป้ายชื่อบอกทางเข้าไปเดินชมและศึกษาพรรณไม้ หลายกลุ่มไม่ได้อยู่ติดกับถนนแต่อยู่ลึกเข้าไป ต่อจากกลุ่มแรกที่อยู่ริมทาง จากนั้นขับรถเข้ามาเรื่อยๆ จะมีทางแยกเข้าชมสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี อยู่ด้านขวามือเป็นไฮไลท์ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดของภูฝอยลม แต่ตอนนี้เราจะขอตรงเข้าไปในพื้นที่อื่นๆ ก่อน จุดไฮไลท์จะใช้เวลาเดินชมนานเป็นพิเศษดังนั้นไปดูจุดอื่นๆ ก่อนดีกว่าครับ

      ฝอยลมสวัสดิการ ขับตรงเข้ามาตามถนนเรื่อยๆ ยังไม่เลี้ยวไปทางไหน เข้ามาติดต่อเรื่องที่พักก่อน ซึ่งการติดต่อที่พักตะติดต่อที่เดียวกันที่ร้านสวัสดิการ ด้านหน้าร้านประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกหลายชนิดปลูกเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ดูคล้ายสวนสัตว์เป็นที่ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ที่เข้ามาเที่ยวบนภูฝอยลม

       ร้านค้าสวัสดิการภูฝอยลม บรรยากาศรอบๆ ฝอยลมสวัสดิการ เป็นร้านอาหารที่น่าเข้าไปนั่งสั่งอาหาร ชมสวนสวยๆ รอบๆ ร้าน เป็นสถานที่สำหรับสั่งอาหารกลางวันและเย็นในกรณีที่ค้างแรมบนภูฝอยลม ร้านสวัสดิการจะปิดครัวเวลา 1 ทุ่มครึ่ง ดังนั้นควรจะสั่งอาหารให้เรียบร้อยเอาไว้ก่อน เดี๋ยวครัวปิดแล้วจะไม่มีข้าวกิน  หากต้องการติดต่อบ้านพักให้สอบถามรายละเอียดและเข้าชมบ้านหลังต่างๆ ได้ที่ร้านสวัสดิการนี้ ด้านหลังมีอาคารเล็กๆ เป็นสถานที่ติดต่อสำหรับการกางเต็นท์ อุปกรณ์เครื่องนอนต่างๆ มีให้บริการพร้อม ลึกเข้าไปทางพิพิธภัณฑ์ล้านปีจะมีร้านค้าเป็นร้านเล็กๆ จำหน่ายสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ขนม เครื่องดื่มต่างๆ นิดหน่อย

      แผนผังสถานที่ต่างๆ บนภูฝอยลม ในรูปนี้ดูจะเล็กไปหน่อยที่จะเอามาใช้เป็นแผนผังจริงๆ แต่จะให้ดูเพื่อง่ายต่อการอธิบายสถานที่ต่างๆ บนภูฝอยลมเอาแบบง่ายๆ ดังนี้
   เส้นทางหลักภูฝอยลม เป็นเส้นแนวนอนเส้นทึบกว่าใครในแผนผังเป็นถนนเส้นเดียวที่ตรงเข้ามาตั้งแต่ด่านตรวจ ผ่านสวนป่ากลุ่มต่างๆ มายังสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี จากนั้นจะผ่านอาคารบริการนักท่องเที่ยว ปัจจุบันใช้ร้านสวัสดิการเป็นอาคารบริการนักท่องเที่ยวแทน ติดต่อสอบถามได้ทุกเรื่อง เส้นทึบๆ แนวนอนนี้จะตรงไปสุดที่สำนักงานโครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร
สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ มีทางแยกออกไป ได้แก่พิพิธภัณฑ์ล้านปี พุทธสถานภูฝอยลม ไปทางเดียวกัน

    สำนักงานโครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร จากร้านฝอยลมสวัสดิการขับตรงเข้ามาอีกไม่ไกลจะมีลานจอดรถสุดเส้นทางที่เราจะไปได้ด้วยการขับรถต่อจากนี้ต้องเดินไป บริเวณนี้เป็นสำนักงานโครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร ถัดเข้าไปเป็นค่ายเยาวชนพิทักษ์ไพร มีศาลาพักผ่อนชมวิวและเส้นทางศึกษาธรรมชาติ

    ศาลาพักผ่อนค่ายเยาวชนพิทักษ์ไพร จากสำนักงานเดินตรงเข้ามาจะมองเห็นศาลาอยู่เรียงรายตามขอบผา เป็นอันสุดทางเดินที่ราบเรียบเพียงเท่านี้ หากต้องการเดินศึกษาธรรมชาติบนเส้นทางที่เรียกกันว่า ดงตะวันดับ เป็นเส้นทางที่มีความลาดชันพอสมควร จะได้เห็นสภาพป่าดงดิบเบญจพรรณ และป่าทุ่งหญ้า พบกับบทบาทของผู้ย่อยสลาย ผู้อิงอาศัย ปรสิต ไม้พื้นล่าง และบ่อน้ำซับ ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร
ปัจจุบัน (มกราคม 2555) เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สร้างเป็นลักษณะระเบียงยื่นออกไปจากหน้าผาได้ชำรุดเป็นอย่างมาก จนไม่สามารถให้บริการนักท่องเที่ยวได้ เจ้าหน้าที่กำลังซ่อมอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับ
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง ธันวาคม 2554 เนื่องจากการจัดงานเทศกาลทิวลิปบานบนภูฝอยลม


     จุดชมวิวภูฝอยลม วิวทิวทัศน์ที่เราได้เห็นผืนป่าเขียวขจีกว้างสุดสายตาจากภูฝอยลมจะมองไปเห็นถึงตัวเมืองอุดรธานีเลยทีเดียว

      สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี สวนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะสามารถขับรถมาจอดแล้วเดินชมสวน หรือจะทานอาหารก็มีร้านสวัสดิการบริการ มีศาลาให้นั่งพักผ่อนนอกสวนสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี ในวันที่เดินทางไปบันทึกภาพ (ครั้งแรก) ช่วงเดือนกรกฎาคม สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกกระเจียวทั้งสีขาวและสีชมพู ในช่วงเดือนธันวาคม ก็จะมีดอกทิวลิปบานให้ได้ชมกันในงานวันดอกทิวลิปบานที่ภูฝอยลม ส่วนช่วงอื่นๆ เราก็จะได้พบกับไม้ดอกอีกหลายชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปลูกให้เราได้ชมไม่เบื่อ
   ความเป็นมาสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี จากการที่องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยและสนพระทัยการอนุรักษ์พันธุ์ไม้และสัตว์ป่าของเมืองไทย จนกระทั่งมีโครงการต่างๆ ด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชไม้ป่าของเมืองไทยขึ้นหลายโครงการ เพื่อเป็นการตอบสนองพระราชปณิธานขององค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย จึงได้จัดสร้างสวนรวมไม้ป่าขึ้นใน ๔ ภาคของประเทศไทย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนม์ ๖๐ พรรษา ในปีพ.ศ. ๒๕๓๕ โดยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๕ สำหรับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานป่าไม้เขตอุดรธานี(เดิม) ได้คัดเลือกพื้นที่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพันดอน-ปะโค พื้นที่ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสงเป็นพื้นที่ดำเนินการซึ่งเดิมเคยถูกราษฎรบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง เข้าไปอาศัยทำกินจนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรมสมควรได้รับการปรับปรุงใหม่อนุรักษ์เป็นป่าต้นน้ำลำธารที่สมบูรณ์ดังเดิม

      สวนดอกกระเจียวภูฝอยลม เมื่อหมดฤดูกาลของดอกกระเจียวแล้วทางอุทยานจะปลูกดอกไม้อื่นสลับกันไปจึงทำให้เป็นสถานที่ที่ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีโดยมีความรู้สึกเหมือนกับทัศนียภาพเปลี่ยนไป ดูไม่เบื่อกันเลยทีเดียว

      สถานที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ภูฝอยลม ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ใกล้เคียงและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัว สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี เป็นสถานที่แรกๆ ที่คนจะเข้ามาชมความสวยงามและพักผ่อนตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างขวางมากๆ แต่ในเวลากลางวันจะแดดร้อน ส่วนหนึ่งในบริเวณสวนมีจุดสำหรับนักพักผ่อนหลบแดด เป็นต้นไม้ใหญ่หลายต้นมีลานกว้างๆ ให้นั่งได้อย่างสบาย ร่มเงาของต้นไม้ทำให้ไม่ร้อนแดด แต่ที่ดีกว่านั้นคือกล้วยไม้หลากสีหลายพันธุ์ที่อยู่บริเวณโคนต้นไม้ ช่วยเพพิ่มสีสันระหว่างการนั่งหลบแดดของเราได้เป็นอย่างดี หากมีเสื่อมาปูเห็นทีว่าจะหลับได้อย่างรวดเร็ว
    กังหันลมภูฝอยลม ในระหว่างเทศกาลงานทิวลิปบานที่ภูฝอยลม มีการสร้างกังหันลมเพิ่มสีสันเข้าไปในสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี แม้ว่างานทิวลิปบานได้ผ่านพ้นไปแล้ว กังหันลมนี้ก็ยังคงตั้งอยู่ให้เราได้เอามาใช้เป็นฉากสวยๆ ในการถ่ายรูปต่อไป


      บ้านพักบนภูฝอยลม ชมสถานที่ท่องเที่ยวมาแล้วบางส่วน คราวนี้ลองมาดูที่พักที่มีอยู่บนภูฝอยลมกันบ้างครับ ยกตัวอย่าง เพียงหลังเดียวที่อยู่ริมผา หันไปด้านทิศตะวันออก เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามของภูฝอยลม บ้านพัก 2 หลังนี้อยู่ไม่ไกลจากสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี มากนัก หลังหนึ่งชื่อ จันทร์ผา อีกหลังหนึ่งชื่อ สนมังกร ด้านหลังมีระเบียงชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้เหมือนกัน แต่ขนาดห้องและจำนวนห้องพักแตกต่างกัน สนใจบ้านพักบนภูฝอยลมให้ลองเข้าไปดูที่ http://www.phufoilom.com/stayhome.html

      ร้านอาหารใกล้สวนรวมพรรณไม้  มีร้านค้าอยู่ด้านหนึ่งของ สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี มีโต๊ะรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากทั้งในร้านและกลางแจ้ง เหมาะสำหรับพักเหนื่อยหลังจากเดินชมสวนที่กว้างใหญ่แห่งนี้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     ภูฝอยลม บริเวณนี้เป็นพื้นที่เริ่มต้นเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งมีอยู่หลายเส้นทางบนภูฝอยลม ด้านหนึ่งเป็นสนามขนาดใหญ่มีการเล่นกีฬาเช่นฟุตบอล จากจุดนี้ไปสามารถเดินเท้าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ผาเหยียบโลก เป็นเส้นทางที่มีความลาดชันสูงมาก มีป่าทุ่งหญ้าและป่าเบญจพรรณ ผ่านจุดสูงสุดของเทือกเขานี้ และได้เห็นแหล่งต้นน้ำลำธารต่างๆ ระยะทาง 2 กิโลเมตร
   นอกเหนือจากการเดินศึกษาธรรมชาติ ตรงนี้ยังมีบันไดเดินลงไปยังอาคารพิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลมด้วย

    พุทธสถานภูฝอยลม จากสวนหย่อมข้างสนามกีฬาในภาพบน ก่อนที่จะเดินลงไปยังพิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลม ให้ขับรถตรงไปตามถนนอีกไม่ไกล (ประมาณ 200 เมตร) จะเห็นป้ายบอกทางขึ้นพุทธสถานภูฝอยลม อยู่ข้างอาคารค่ายเยาวชน 2 มองตามป้ายไปก็จะเห็นบันไดสำหรับเดินขึ้นไป เราก็ต้องจอดรถใกล้ๆ อาคารค่ายเยาวชน แล้วเริ่มต้นออกเดินทาง
   บันไดเดินขึ้นมาพุทธสถานภูฝอยลม เห็นทีแรกนึกว่าจะไม่ยาวเท่าไหร่ เดินไม่นานไม่ทันเหนื่อยก็น่าจะถึง พอเอาเข้าจริงๆ หอบตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านบันไดนั้นมาได้ก็มานั่งพักตรงบันไดหน้าพุทธสถานแห่งนี้ ก่อนที่จะกราบพระพุทธรูปแล้วเดินต่อไป

         พุทธสถานภูฝอยลม ภายในศาลาลักษณะแปดเหลี่ยม มีบานหน้าต่างกระจกใสล้อมรอบ มีประตูอยู่ด้านหน้าที่เปิดให้เข้า-ออกได้ ตรงกลางประดิษฐานพระพุทธรูป รอบพุทธสถานเป็นต้นไม้ล้อมรอบ กลับจากพุทธสถานจะเดินลงบันไดเดิมที่เดินขึ้นมาก็ได้ หรือจะเลือกเดินไปตามทางแยกมีป้ายบอกไว้ว่าเป็นทางไปจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่ง
จากหน้าพุทธสถานภูฝอยลมตรงไปตามทางประมาณ 200 เมตรจะมีลานหินกว้างใหญ่ ที่น่าจะเป็นจุดชมวิวภูฝอยลมอีกแห่งหนึ่งตามที่ป้ายเขียนไว้ แต่กาลเวลาผ่านไปต้นไม้หลายต้นเติบโตขึ้นจนปิดบังทัศนียภาพไปหมด

จากลานหินที่เดาว่าเป็นจุดชมวิว มีทางเดินลงเขาที่ค่อนข้างชันเป็นทางที่ต้องปีนป่ายหินบางช่วงเพื่อเดินลงเชิงเขาไม่ต้องย้อนกลับไปทางพุทธสถานที่เพิ่งเดินผ่านมา

      จำลองมนุษย์ถ้ำภูฝอยลม ในระหว่างที่ป่ายปีนก้อนหินมุ่งหน้าลงเชิงเขากลับไปยังอาคารค่ายเยาวชน ก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะมีความรู้สึกว่ามองเห็นอะไรบางอย่างคล้ายคนแต่ตัวเป็นสีเขียวเข้มอยู่ใต้หลืบหิน พอมองดูให้ดีจึงได้รู้ว่าเป็นรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองการดำรงชีวิตของมนุษย์ถ้ำในอดีตที่ผ่านมาจากจุดแสดงหุ่นจำลองมนุษย์ถ้ำ มีทางเดินลงไปเรื่อยๆ จนถึงเชิงเขา มีรูปปั้นสัตว์ต่างๆ มากมาย เป็นบริเวณที่เรียกว่าพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อให้เด็กๆ มาชมกัน รูปปั้นสัตว์เหล่านี้กระจายอยู่ในพื้นที่ป่าโปร่ง เหมือนสวนสัตว์เปิดเลยครับ

     พิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลม ออกมาจากป่าที่มีรูปปั้นสัตว์มากมายหลายชนิดจะเห็นทางแยก ซ้าย กับ ขวา ก็พอจะเดาได้ว่าหากเลี้ยวขวาจะเป็นทางกลับไปยังอาคารค่ายเยาวชน 2 ที่จอดรถเอาไว้ ก็เลยเลี้ยวซ้ายดีกว่าเพราะเห็นอาคารรูปทรงกลมเด่นตระหง่านอยู่ อาคารหลังนี้ก็คือพิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลม

      ฝอยลม ภาพของฝอยลมนี้แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลม เพื่อเล่าที่มาของชื่อภูฝอยลม ภูฝอยลมแห่งนี้มีตำนานว่า  ภูฝอยลม เป็นยอดภูเขาสูงที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน ปะโค อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 600 เมตร มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี และมีความชุ่มชื้นสูงมาก และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในอดีต ทำให้เกิด Lichen (รา +สาหร่าย) ชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Frutiose เรียกว่า ฝอยลม (Usnea abissinica Mot.)มีลักษณะเป็นเส้นฝอยสีเขียวปนเทา เกาะอาศัยอยู่ตามกิ่งของต้นไม้เจริญงอกงามกระจายอยู่เต็มภูเขา จนได้รับการขนานนามว่า ภูฝอยลม ต่อมาได้มีราษฎรเข้ามาจับจองบุกรุกพื้นที่เพื่อจัดตั้งหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน จึงทำให้สภาพป่าเริ่มเสื่อมโทรม ทำให้จำนวนฝอยลมลดน้อยลง จนแทบจะสูญพันธุ์ และในระหว่างปี 2528 – 2532 ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในขณะนั้น (นายสายสิทธิ์ พรแก้ว และ นายจรวย ยิ่งสวัสดิ์) ได้เคลื่อนย้ายราษฎรเหล่านั้นออกจากพื้นที่ป่าโดยจัดให้อยู่ในพื้นที่ใหม่ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
ปี 2533 สำนักงานป่าไม้เขตอุดรธานี โดย นายมานิตย์ เอี่ยมสรรพางค์ ป่าไม้เขตอุดรธานี และ นายสนั่น ศิริวัฒนกาญจน์ ผู้ช่วยป่าไม้เขตอุดรธานี ในขณะนั้น ได้ริเริ่ม โครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร ทำการฝึกอบรม
เยาวชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยใช้ชื่อย่อว่า ย.พ.พ. เพื่อปลูกฝังทัศนคติ ให้คนรุ่นใหม่ได้หันมาสนใจและเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

     โครงกระดูกหัวไดโนเสาร์ เป็นซากชิ้นส่วนของไดโนเสาร์ชิ้นใหญ่ที่สุดที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ล้านปีภูฝอยลม เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ด้านในห้องแสดง เห็นแล้วประทับใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าของเหล่านี้จะมีให้ชมที่ภูฝอยลมด้วย


     ฟอสซิลไดโนเสาร์ภูฝอยลม ชิ้นส่วนของหินที่มีร่องรอยของซากฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน นำมาเรียงให้ชมกันในตู้กระจกโดยมีการแบ่งหมวดหมู่ประเภทของไดโนเสาร์พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับไดโนเสาร์ชนิดนั้นๆ ส่วนใหญ่จะเห็นรูปโครงกระดูกติดอยู่บนหินรูปร่างต่างกันไป ตัวเล็กบ้างใหญ่บ้าง สัตว์บกบ้าง สัตว์น้ำบ้าง หรือจะเป็นไข่ไดโนเสาร์ก็มีให้ชมกันเยอะแยะมากมายเลยครับ เห็นแบบนี้แล้วทำให้นึกถึงหนังฝรั่งแนววิทยาศาสตร์ที่มีการค้นพบวิธีการสร้างชีวิตสัตว์ล้านปีมาจากฟอสซิล น่าสนใจมากว่าในใข่ใบนี้มีไดโนเสาร์ชนิดใดหลับอยู่ข้างใน

       ชมดอกไม้สวยภูฝอยลม หลังจากที่ได้เข้าไปศึกษาโลกดึกดำบรรพ์กันมาพอสมควรได้เห็นฟอสซิลไดโนเสาร์ที่แสดงให้ชมกันมากมายหลายชนิด ก่อนที่จะกลับลงจากภูฝอยลม ก็ขอแวะเก็บภาพดอกไม้ที่สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี ต่ออีกหน่อยครับถือว่าเก็บตกให้พอใจกันไปเลย

     กุหลาบสวยภูฝอยลม นอกเหนือไปจากสวนไม้ดอกบานสะพรั่งใกล้ๆ กับแปลงดอกไม้ที่ปลูกเป็นคำว่า สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี แล้ว ลองเดินไปชมอีกด้านหนึ่งใกล้ๆ บ้านจันทร์ผา จะเห็นมีกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ มีสีและขนาดแตกต่างกันไป อยู่เป็นแปลงใหญ่ สำหรับผู้ชื่นชอบกุหลาบไม่ควรพลาด

     พระพุทธชัยมงคลมหาชนอภิปูชนีย์ กลับลงมาจากภูฝอยลม มุ่งหน้าไปตัวเมืองอุตรธานี ตามเส้นทางหนองแสงที่เดินทางเข้ามา ผ่านวัดภูทองเทพนิมิต ที่เราเห็นพระพุทธรูปประดิษฐานเด่นตระหง่านสีขาวทั้งองค์บนยอดเขา แน่นอนว่าขากลับเราตั้งใจจะแวะไหว้พระทำบุญกันอยู่แล้ว ก็ขับขึ้นเขามาไม่ชันมากนัก ทางขึ้นสบายครับ มาจอดที่ด้านหลังขององค์พระ เดินขึ้นมาไหว้พระได้แล้วครับ มีหลายส่วนที่กำลังก่อสร้าง เพราะงานนี้ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ การมาที่วัดภูทองเทพนิมิตของเราในวันนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรกเกือบ 2 ปี การก่อสร้างฐานพระพุทธรูปยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ เราได้พบกับหลวงพ่อที่จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ท่านเล่าให้ฟังว่า การก่อสร้างได้หยุดชะงักลงเมื่อมีฝนตกหนักในช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา

     ในฐานพระพุทธชัยมงคลมหาชนอภิปูชนีย์ หลังจากไหว้พระบนฐานที่ยกสูงขึ้นไปถึง 3 ชั้น คราวนี้เราเข้ามาชมภายในพบว่ามีภาพจิตรกรรมที่สวยงามสะดุดตาอยู่บนเพดานชั้น 2 แต่สามารถมองทะลุขึ้นไปได้จากชั้นที่ 1 เพราะการสร้างเพดานตรงกลางของชั้นแรกนั้น เป็นแบบปล่อยว่างทะลุขึ้นไป ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ตรงกลางภาพจิตรกรรมที่เห็นในภาพบน เวลาเข้าไปถ่ายรูปต้องแหงนถ่ายภาพที่ออกมาจริงๆ แล้วเป็นภาพกลับหัวเพราะเรายืนอยู่ขอบนอก แล้วถ่ายเข้าไปจุดศูนย์กลางของอาคาร แต่เพื่อให้ชมกันแบบไม่ลำบากมากเกินไปผมเลยกลับภาพให้หัวตั้งขึ้นตามเดิม สิ่งที่โดดเด่นอีกสิ่งหนึ่งคือรูปเทพพนม เป็นงานปูนปั้น อยู่รอบๆ กำแพงลานประทักษินที่ฐานพระองค์ใหญ่ ทัวร์ออนไทยก็ขอถือโอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์ เชิญชวนกันไปทำบุญที่วัดภูทองเทพนิมิต อ.หนองแสง อุดรธานี